วันศุกร์ที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ประวัติความเป็นมาของชนเผ่า ปะโอ

สมัยพระเจ้าติสสะครองเมืองสุภินนคร รัฐอปรันตกะ อำมาตย์ผู้หนึ่งมีบุตรสองคน ชื่อ ติสสะ และ ชัยยะ บุตรทั้งสองคนนั้นเบื่อหน่ายชีวิตในการครองเรือน จึงบวชเป็นฤาษีที่ภูเขาคัชชคีรี ใกล้มหาสมุทรอินเดีย ครั้งนั้นมีวิชาธรคนหนึ่งได้ร่วมประเวณีกับนางนาค นางนาคได้คลอดออกมาเป็นไข่ ๒ ฟอง นางนาคได้ทิ้งไข่นั้นเสียเพราะความละอาย

ครั้งนั้นติสสะกุมารพี่ชายได้ไข่มาแล้วจึงแบ่งให้น้องชายเก็บไว้คนละฟอง เมื่อเวลาล่วงไปไข่ทั้งสองฟองนั้น ก็แตกออกมาเป็นกุมารสองคน ทั้งสองคนนั้นมีวัย สิบขวบ กุมารที่เกิดจากไข่ผู้เป็นน้องถึงแก่กรรม ได้เกิดเป็นกุมารชื่อ ควัมปติ ในเมืองมิถิลา มัชฌิมประเทศ ควัมปติกุมารเมื่ออายุได้ เจ็ดขวบ ได้มอบตนบรรพชาในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่นานก็ได้เป็นพระอรหันต์ ฝ่ายกุมารที่เกิดจากไข่ผู้เป็นพี่ เมื่ออายุได้สิบสองขวบ ท้าวสักกะจอมเทวดาได้มาหา แล้วสร้างเมืองขึ้นในรัฐรามัญชื่อ สุธรรมปุระ แล้วให้กุมารนั้นครองราชสมบัติในเมืองนั้น ตั้งพระนามว่าพระเจ้าสีหราช แต่ในศิลาจารึกว่า พระเจ้าสิริมาโสก ฝ่ายพระควัมปติเถระอยากจะเห็นมารดาของท่าน จึงคิดจะเดินทางออกจากเมืองมิถิลานคร ครั้งนั้น ท่านได้ทราบด้วยทิพยจักษุว่า มารดาได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว จึงพิจารณาดูว่า เดี๋ยวนี้มารดาของเราไปเกิดที่ไหน ก็ทราบว่ามารดาไปเกิดในภูมิประเทศซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวประมุงเป็นอันมากท่านคิดว่า ถ้าเราไม่ไปตักเตือนมารดาของเราจะสร้างบาปอันนำไปสู่อบาย แล้วก็จะต้องไปเกิดในอบายทั้งสี่ ท่านจึงทูลขออนุญาตจากพระผู้มีพระภาคเจ้าและเหาะมายังรัฐรามัญ เมื่อมาถึงเมืองสุธรรมปุระ ในรัฐรามัญแล้ว ท่านได้แสดงธรรมแก่ชาวเมืองพร้อมด้วยพระเจ้าสิหราชผู้เป็นพี่ชายของท่านให้ตั้งอยู่ในศีลห้า ครั้งนั้นพระเจ้าสีหราชตรัสว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ท่านเป็นคนประเสริฐ ประเสริฐกว่าใคร ๆ ในโลกนี้ พระเถระกล่าวว่า มหาบพิตร อาตมาภาพมิใช่เป็นคนประเสริฐกว่าใคร ๆ ครูของอาตมาชื่อ โคตมะ เป็นเหมือนมงกุฏของสัตว์โลกทั้งปวงในไตรภพ ขณะนี้พระองค์ประทับอยู่ที่เมืองราชคฤหมัชฌิมประเทศ พระเจ้าสีหราชตรัสถามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้อาจารย์ของท่าน ข้าควรเห็นหรือไม่ พระควัมปติกล่าวว่า ควรแล้วมหาบพิตร พระองค์ควรจะได้เห็นพระผู้มีพระภาค อาตมาจะทูลขอร้องให้พระองค์เสด็จมา ครั้นแล้วท่านจึงทูลขอร้องพระผู้มีพระภาคให้เสด็จมา ฝ่ายพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อได้ตรัสรู้แล้วต่อมาในปีที่แป็ดได้เสด็จมาทางอากาศสู่เมืองสุธรรมปุระ รัฐรามัญ พร้อมด้วยภิกษุเป็นอันมาก ครั้นเสด็จมาแล้วพระผู้มีพระเจ้าประทับนั่งใน รตนมณฑปทรงประทานอมตรสแก่ชาวเมืองทั้งหลายพร้อมด้วยพระราชา ทรงโปรดให้ตั้งมั่นอยู่ในสรณะสาม และ ศีลห้า ครั้นแล้วพระองค์ทรงประทานพระเกศาธาตุ หก องค์ แก่ฤาษี หกตนซึ่งมาเฝ้าเพื่อเอาไปบูชา ภายหลังจากนั้น พระควัมปติเถระอัญเชิญพระทันตธาตุ ๓๓ องค์ ไปจากจิตกาธานตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งพระทัยไว้ในเวลาปรินิพพาน บูชาอยู่ ๓๗ ปี แล้วนำมาสู่เมืองสุธรรมปุระมอบให้แก่พระเจ้าสีหราชให้ประดิษฐานพระเจดีย์ ๓๓ องค์

ประวัตินี้ซึ่งสอดคล้องและตรงกับความเชื่อของชนเผ่าที่ว่ามีวิชาธรเป็นพ่อ หรือเรียกว่า ซอจี และมีนางพญานาคเป็นแม่ ซึ่งสัญลักษณ์ประจำเผ่าคือวิชาธรกับนางนาค ชนเผ่านี้เดิมไม่ได้ชื่อว่าเผ่าปะโอได้มีการเปลี่ยนชื่อเรื่อยมาก็ไม่ทราบว่าสืบเนื่องมาจากอะไรที่ทำให้มีการเปลี่ยนชื่อชนเผ่าก่อนที่จะเรียกว่า ปะโอ ก่อนหน้านี้ที่รู้จักกันว่า ต่องสู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนไม่ค่อยจะรู้จักชนเผ่านี้เท่าไรนัก แต่ประวัติของพระเจ้ามโนหารินั้นยังมีข้อกังขาอยู่ว่าตกลงพระองค์เป็นเผ่าอะไร ฝ่ายมอญก็ว่า เป็นกษัตริย์ของตน ปะโอก็ว่าเป็นกษัตริย์ปะโอ เรื่องนี้ให้จึงต้องมีการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งชนเผ่าที่เรียกว่าปะโอนี้เป็นเผ่าที่รักสงบ มีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเองมีการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ปัจจุบันมีถิ่นที่อาศัยอยู่ทางเขตรัฐฉาน ของประเทศพม่าและส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศไทยทางภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงรายและพเยาว์ เป็นต้น

ส่วนที่อยู่ในประเทศพม่านั้นมีกองกำลังเป็นของตนเอง ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 2००0000 )ศาสนาที่นับถือ พุทธ ชนเผ่านี้จึงเป็นชนเผ่าที่น่าค้นหาและทำความรู้จัก เผ่าหนึ่ง
จากหนังสือสาสนวงส์และในหนังสือวชิรญาณ ว่าด้วยพระเจ้าอโนรทาโส ครองราชสมบัติ เมื่อจุลศักราช ๓๕๓

- ได้จาก

http://paomagazine08.blogspot.com/

๓ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมรักปะโอมากๆครับ ขุนออ่ง ปางหลวง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆที่เอาข้อมูลมาให้อ่านผมเป็นชาวปะโอครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมรักคนปะโอ,
แฟนผ มครับ